COCONUT’S PRODUCTS

canang_sari.jpg

กาะบาหลีเป็นเกาะที่มีต้นมะพร้าวมากมาย รวมทั้งเกาะอื่นๆในประเทศอิโดนีเซียก็มีต้น มะพร้าวมากเช่นกัน ตามลักษณ์ของเกาะในแถบนี้ ดังนั้นคนที่อยู่ในแถบนี้จึงมีความสามารถในการ ใช้ประโยชน์จากต้นมะพร้าวอย่างมากมาย บางอย่างคนไทยเราก็ทำอยู่แล้ว บางอย่างก็เป็นเรื่องที่เรา คิดไปไม่ถึง จึงเป็นเรื่องที่น่าเรียนรู้ว่าคนที่นี่เค้าใช้มะพร้าวมาทำอะไรกันบ้าง เริ่มแรกท่านคงเห็นรูป ดอกไม้ที่ใส่อยู่ในกระทงที่ทำจากใบมะพร้าวในหัวเรื่องอยู่แล้ว คนที่นี่นำใบมะพร้าวมาใช้ทำกระทง

ใส่ดอกไม้บูชาเทพเจ้า บูชาผีบ้านผีเรือน ที่ต้องบูชาวันละสองครั้งเช้า เย็นทุกวันอย่างเช่นที่เห็นอยู่ในรูป นั่นแหละ การใช้ใบมะพร้าวก็พอๆกับที่ คนไทยใช้ใบตองในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว นอกจากการทำ เป็นกระทงแล้ว เขายังนำมาตบแต่งเสาไม้ไผ่ ที่บักประดับประดาตามบ้านอย่างปราณีต พอๆกับที่คน ไทยใช้ใบตองมาทำบายศรีเลยทีเดียว โปรดดูรูปด้านล่างชาวบ้านกำลังตบแต่งเสาไม้ไผ่ก่อนที่จะนำไป ประดับ

nusa-dua-077a.jpg

ที่แปลกก็คือ ที่นี่เขาไม่ใช้ใบมะพร้าวแก่ที่มีสีเขียว แต่เขาจะตัดยอดมะพร้าวก่อนที่ใบจะคลี่ ออกเอามาใช้ ดังนั้นมันจึงมีสีขาวนวลจนถึงเขียวอ่อนๆ นอกจากนั้นยังนำมาทำเป็นซุ้มประตูเข้าบ้าน ในงานพิธีต่างๆ คนบาหลีมีเทคนิคในการตัดใบมะพร้าวที่ดี แทนที่จะตัดหมดทั้งทางมะพร้าว เขาจะตัด แบบเร็มเฉพาะบางส่วนของทาง ดังนั้นทางมะพร่าวนั้นจะไม่เสียเปล่าทั้งหมด ยังคงใช้เลี้ยงลำต้นต่อไป ได้ และเวลาที่ใบคลี่ออกมาก็จะเป็นรูป ทรงทาง เรขาคณิตที่แปลกตาดี

nusa-dua-080.jpg

นอกจากใบมะพร้าวที่กล่าวแล้ว คนที่นี้ก็ยังกินลูกมะพร้าว (เชื่อหรือไม่???ความจิรงแล้วคนเรา กินน้ำและเนื้อในเมล็ดของมะพร้าว เราไม่ได้กิน ผลของมะพร้าวอย่างที่เรากินเนื้อมะม่วง?? ถ้าเปรียบ เทียบว่าเนื้อของผลไม้คือส่วนที่หุ้มเมล็ดอย่างเช่นมะม่วงละก็ ความจริงแล้วเนื้อมะพร้าวคือส่วนที่เรา ไปหลงเรียกว่าเปลือกมะพร้าวที่หุ้มกะลามะพร้าวต่างหาก ลองคิดดูดีๆ ธรรมชาติมันเจ้าเล่ห์มาก เล่น เอานักเกษตรระดับด๊อกเตอร์ยังงง ต้องไปเปิดตำราหา ข้อมูลอยู่หลายวัน)ใช้ทำอาหาร ดื่มน้ำมะพร้าว เช่นเดียว กับที่คนไทยเรากิน มีแตกต่างกันอยู่บ้างตรงที่ของเขาไม่มีมะพร้าวน้ำหอมกิน และเขาปอก มะพร้าว อ่อนที่ขวั้นเป็นสีขาวอย่างที่บ้านเราทำ ไม่เป็น

nusa-dua-056a.jpg

บาหลี-บาหรู๒

สภาพภูมิประเทศที่นี่เป็นเกาะที่เป็นภูเขาไฟเก่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้หลับตามองเห็น คงต้องบอกว่า รูปร่างของเกาะคล้ายกับรูปด้านข้างของนกกระทากำลังยืนยืดคอ และถ่ายมูลออกมาหนึ่งกอง เพราะตรงกันกับก้น ของนกนั้นมีเกาะเล็กๆอีกเกาะหนึ่งพอดี เกาะนี้ชื่อเกาะ ซานัว เป็นเกาะที่สวยมาก อากาศที่นี่มีสองฤดู คือหน้าแล้ง กับหน้าฝน หน้าแล้งก็ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนตุลาคม อากาศจะเย็นสบายและมีลมและคลื่นแรงมาก ที่นี่จึงเป็นสววรค์ของนักเล่นกระดานคลื่นอีกแห่งหนึ่ง ไปทางไหน จะมีนักเล่นกระดานโต้คลื่นขี่มอเตอร์ไซค์ มีกระดานเสียบไว้ด้านข้าง ส่วนหน้าฝนจะเริ่มตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนมีนาคม จะมีฝนตกทุกวัน บางวันก็ตกทั้งวันไม่มีหยุด ต้นไม้ที่นี่จึงงอกงามมาก โดยเฉพาะต้นลั่นทมที่นี่จะมีเต็มไปหมด และแทบจะทุกเรื่อง ก็จะใช้ดอกลั่นทมประดับประดาตกแต่ง พูดได้ว่าทุกบ้านต้องมีต้นลั่นทมนลั่นทม และมีดอกสีต่างๆ บางต้นมีอายุหลายๆสิบปี คาดไม่ถูกว่ากี่ปี เพราะต้นใหญ่ราว กับต้นจามจุรี ที่คนไทยพูดกันว่าใครปลูกต้นลั่นทมไว้ในบ้านแล้วจะระทมนั้น ผมว่าคงไม่จริง มิฉะนั้นคนบาหลีคงจะระทมกันไปทั่งเกาะแล้วละ ผมไม่เห็นคนบาหลีจะระทมทุกข์กันเลย สำหรับ นักแต่งสวนให้เศรษฐี ใครอยากได้ต้นลั่นทม stone.jpg

stone3.jpg

ใหญ่ๆลองมามองหาที่บาหลีดูบ้างก็น่าจะถูกใจ ผมได้แนบรูปตัวอย่าง ขนาดชินเดร็นท์ๆมาให้ดูด้วยถ้าจะเปรียนเทียบในด้าน

trees1.jpg

ภูมิประเทศก็คงจะบอกว่าเกาะบาหลี นั้นเหมือนกับเอาเกาะสมุยบวกกับเชียงราย เพราะบริเวณชายฝั่งรอบๆเกาะจะเป็นเนินเขาสูงๆต่ำๆทำให้ทิวทัศน์มีความหลากหลาย พอลึกเข้าไปกลางเกาะก็จะ มีการทำนา ทำสวนกัน แต่นาที่นี่จะเป็นนาแบบขั้นบันได (ไม่ใช่กระไดแบบที่ท่านส.ส.ใช้ในสภา) ทำให้มีทิวทัศน์ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบ บางจุดนั้น สวยงามมากเพราะจะเป็นหุบเขาที่ภูเขาล้อมรอบนั้นเต็ม ไปด้วยนาข้าวแบบขั้นบันไดสุดลูกหูลูกตา พูดถึงข้าวต้องบอกด้วยความภูมิใจว่าข้าวไทยนั้นได้รับความนิยมมาก จัดไว้เป็นข้าวเกรดสูงกว่าข้าวพื้นเมืองและราคาแพงกว่ามาก ถุงบรรจุข้าวนั้นมีภาษาไทยพิมพ์กำกับไว้เลยว่าข้าวเกรด เอ คัดพิเศษ นอกจากข้าว แล้วคนบาหลีรู้จักเมืองไทยดีในอีกหลายๆเรื่อง ส่วนใหญ่แล้วเป็นฝีมือภาคเอกชนทั้งนั้น แล้วจะค่อยๆทะยอยเล่าให้ฟังต่อไป

คนบาหลีนั้นเป็นคนที่มีหัวทางศิลป์มาก และเป็นศิลปะที่เป็นของตนเองแตกต่างกับชนเผ่าอื่นๆโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ขึ้นชื่อก็มี การจัดสวนแบบบาหลี บ้านไสตล์บาหลี งานแกะสลักไม้ งานแกะสลักหิน วันนี้ได้ถ่ายรูปงานแกะหิน

อ่านเพิ่มเติม “บาหลี-บาหรู๒”

ตะลุยบาหลี–บาหรู

เมืองแรกที่ผมกำลังจะพาคุณไปกับผมก็คือ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านของเรานี่ เอง ทำไมจึงเลือกเอาเมืองนี้ก่อน? ก็เพราะผมกำลังอยู่ที่เมืองนี้นี่ครับ เลยมีวัตถุดิบให้เริ่มง่ายหน่อย และเป็นเมืองที่ไม่ค่อยจะมีคนไทยนิยมมากเที่ยวเท่าไร ประเทศอินโดนีเซียนี่เป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะทั้งหมด ตั้งแต่เกาะขนาดใหญ่มากๆอย่างเกาะสุมาตรา เกาะชวา จนมาถึงเกาะบาหลีซึ่งใหญ่ประมาณสี่ เท่าของเกาะภูเก็ต และเกาะขนาดเล็กๆลงไปอีก นับไปนับมาได้หมื่นกว่าเกาะ ไม่รู้นับได้ถ้วนอย่างไร?และมีประชากรมากๆๆ นับล่าสุดประมาณ 273 ล้านคน พอนับเสร็จก็เกิดเพิ่มมาอีกเป็นเท่าไรไม่รู้ ที่รวย ก็รวยมากๆๆ ดังนั้นจึงเป็นประเทศที่น่าค้าขายด้วยมาก เพราะยังผลิตอะไรได้เองน้อยมาก ต่างจากประเทศจีน ที่ส่วนใหญ่เค้า ผลิตได้เองทั้งนั้น และถูกกว่าคนไทยผลิตเองเสียอีก แล้วเราจะเอาอะไรไปขาย เค้า?? และที่สำคัญมากๆที่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างเปิดเผย คือคนอินโดฯไม่ชอบคนจีน และคนจีนก็ไม่ ชอบคนอินโดฯ เพราะสมัยที่อินโดฯได้เอกราชใหม่ๆ คนจีนถูกฆ่าตายด้วยข้อหาเป็น คอมมิวนิสต์ไปกว่า สี่-ห้าแสนคน น่าตกใจไม๊ละครับ? เพราะฉะนั้นก็ยังเป็นโอกาศอันดีของคนไทยที่จะมาทำอะไรๆ กับ คนที่นี่ โปรดติดตามไปเรื่อยๆ แล้วจะค่อยๆเห็นเองว่ามีอะไรจะทำกันได้บ้าง บาหลีนั้นตั้งอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรประมาณ 9-10 องศา ขณะที่เมืองบางกอกของเราตั้งอยู่ที่ 13.45 องศาเหนือเส้นศูนย์สูตร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกแปลกๆนิดๆ เพราะอะไรต่อ มิอะไรมันกลับตาละปัตรกับประเทศไทย เช่น ในช่วงเดือนพ.ย. ถึง เดือนธ.ค. นั้นเป็นช่วงหน้าร้อนน้อยของเมืองไทย(ผมไม่อยาก เรียกว่าหน้าหนาว เพราะบอกกับฝรั่งทีไร มันหัวเราะเยาะเอาทุกที เพราะอุณหภูมิระหว่าง16-22 องศาเซ็นติเกรดนั้น ฝรั่งบอกว่ากำลังสบายๆ) แต่ที่นี้กลับกลายเป็นหน้าร้อนแล้วก็ฝนตกมากๆ สาเหตุก็คือโลกนั้นเอียงขึ้นไปด้านเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว เมืองไทยก็เลยอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ออก ไปอากาศก็เย็นลง นอกจากนั้นเมืองไทยเราเวลากลางวันจะสั้นลง ค่ำเร็วหกโมงเย็นก็มืดแล้ว ในขณะ เดียวกันก็เลื่อนเอาเมืองบาหลีเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ยิ่งขึ้น ก็เลยกลายเป็นหน้าร้อน แต่กลางวันกลับสั้น ค่ำเร็ว พอถึงเดือน เมษาในขณะที่เมืองไทยเข้ามาใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด บาหลีจะเลื่อนลงไปห่างจากดวงอาทิตย์มากยิ่งขึ้นอีกประมาณ 10 องศา ก็เลยเย็นกำลังสบายๆ นักท่องเที่ยวที่นิยมอากาศเย็นๆจึงแห่มาเที่ยวบาหลีกันเต็มไปหมด แล้วก็ฝนแทบจะไม่ตกเลย และกลางวันกลับ ยาวออกทุ่มหนึ่งยังไม่ค่อยจะมืดเลย นี่ละครับต้นไม้ต้นไร่ผลไม้ต่างๆมันก็เลยกลับตาละปัตรกันหมด เดือนพฤศจิกายนมะม่วง
ออกเต็มไปหมด เดือนกุมพา มังคุด ทุเรียน ออกกันพรึบพรับ

พาไปบาหลี–บาหรู

รูปที่ถ่ายมาให้ดูนี้เป็นงานปูนปั้นขนาดสูงกว่า 20 เมตร มีความสวยงามมาก ชื่อว่า เดวารุจี

ตั้งอยู่กลางวงเวียนบนถนนจากสนามบินไปสู่เมืองบาหลี เป็นรูปยักษ์กำลังสู้กับงู ยักษ์นั้นนุ่ง ผ้าขาวม้าตาหมากลุกสีขาวดำ มองดูเหมือนนุ่งผ้าให้กับรูปปั้น แต่จริงๆแล้วเอาสีมาทา

ที่เล่าเรื่องนี้มากหน่อยเพราะอยากจะฝากข้อคิดไว้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกับการ เกษตร ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ว่าจะวางแผนอะไรก็ให้เอาเรื่องพวกนี้มาคิด ด้วย เวลาไปต่างประเทศต้องเก็บเอาข้อมูลพวกนี้มาพิจารณาร่วมด้วย อย่าเอาแต่ตั้ง หน้าตั้งตาไปช็อปปิ้งลูกเดียว ท่านทราบหรือ ไม่ว่ามีข้าราชการกระทรวงหนึ่งที่ตั้ง อยู่แถวๆเมืองนนท์นั้นทำความเอือมละอาให้กับฝรั่งต่างชาติมาก เวลาที่ติดขอไปดู งานในประเทศเค้า เขารังเกียจมากๆ เพราะว่าเวลาเค้าจัดบรรยาย จัดให้ดูงานต่างๆ
จะไม่สนใจ เพราะใจมันไปจดจ่ออยู่กับการอยากจะรีบออกไปช็อปปิ้ง กลัวว่าถ้า บรรยายยืดยาดร้านรวงมันจะปิดหมดท่านลืมไปว่าการจัดต้อนรับท่านนั้น หน่วย งานฝรั่งเขาต้องเสียงบประมาณไปมาก และผู้ มาบรรยายให้ท่านฟัง นั้นเค้าต้อง เสียเวลาการทำงานที่สำคัญๆของเขาไปโดยเปล่าประโยชน์ทุกฝ่ายไม่ทราบว่าท่านเคยทราบบ้างหรือเปล่า? งามหน้าไม๊ละครับท่าน? พี่น้องทุกท่านครับ เอาแล้วไม๊ละครับจะออกนอกเรื่องแล้ว ไว้วันหลังผมจะวกมาพูดถึงการ เกษตรต่อ วันนี้ไปเที่ยวกันให้สนุกก่อน

เมืองบาหลีนี้คนไทยโดยเฉพาะผู้มีอันจะกินสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ เริ่มรู้จักและมาเที่ยวกันบ้าง แล้วเราจะเห็นได้จากใน วรรณคดีไทยและภาษาไทยนั้นได้มีภาษาบาหลีไปสอดแทรกอยู่บ้างแล้ว เช่น คำว่า “บุหลัน” นั้นแปลว่าพระจันทร์ ในภาษาไทยก็มีเพลง ไทยเดิมที่ชื่อว่า “บุหลันลอยเลื่อน” หรือใน ภาษาไทยเรียกชาวอินโดนีเซียว่า “อิเหนา” หรือมีการรำในการแสดงที่ชื่อ “อิเหนารำกริช” เป็นต้นผมมานั่งวิเคราะห์ดูคำว่า “อิเหนา”นั้นมาได้อย่างไร เพราะในภาษาอินโด ไม่มีคำว่าอิเหนามีแต่คำว่า “อินี่” ที่ใช้เรียกบุรุษที่หนึ่ง หรือตนเอง หรือของสิ่งนี้เลยเดาว่าคำว่า อิเหนา คงเพี้ยนจากคำว่า อินี่ ไม่ทราบว่าจะถูกผิดอย่างไร รับฟังไว้ก่อนก็แล้วกัน

พาไปเที่ยว–พาไปรวย ( Travel and Get Rich)

วันนี้ผมได้สร้างสิ่งที่คิดว่าจะเป็นการแชร์ประสพการในชีวิตของผมให้คนไทยทั่วโลกได้อ่านกันฟรีๆแล้ว เกี่ยวกับเรื่องที่ผมพาท่านไปเที่ยวตามสถานที่ในประเทศต่างๆและนำมาเล่าให้ท่านผู้ อ่านได้เอ็นจอย เรื่องที่เล่าก็จะพยายามให้เป็นเรื่องที่มีมุมมองต่างไปจากที่ท่านได้เคยทราบ และอาจจะมีการสอดแทรกเรื่องอื่นๆที่ท่านจะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อีกด้วย แบบที่ว่าอ่านดีๆมีรางวัล(ที่ท่านแจกให้แก่ตัวท่านเอง ถ้าท่านคิดออก) ดังนั้นมันจะเป็นเหมือนการชี้ช่องให้เห็นหนทางทำมาหากินที่ท่านต้องมาคิดต่อเอาเองแบบว่าใครถัดอย่างไหน ก็ทำอย่างที่ตนถนัด ผมก็จะชี้ของผมไปเรื่อยๆ ท่านที่ไม่ได้ทำธุระกิจอะไรก็จะได้ความเพลิดเพลิน ความสนุก(เพราะจะพยายามให้สนุก) และความรู้รอบเอว ยิ่ง อ่านมากเอวจะยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะความรู้มันจะไปสะสมอยู่ที่นั้นพร้อมกับไขมันที่เกิดจากการกินแล้วนั่งอ่านมากไปโดยไม่ได้ออกกำลัง

Today,I am creating the thing that I would like to share my experience in traveling to Thai friends and all the people around the world to enjoy for free. The story of what I have seen in many countries while I am traveling, what I have done, what I have eat. So, you can enjoy with me. The story that I tell you will be the story from difference points of view. Difference from the story that you have read, the story that someone never tell you before. My story will emphasize on what are the interesting things in other countries that can be applied, duplicated, reverse Engineering , modification and make money out of that ideas. It is like point out new Business Ideas to you. I will point out new ideas as I travel along. For people that don’t have any business or not interesting in do Business, you can read it for fun and entertaining ( I try to make it fun too). Aside from that it will give you a larger belly as by product because of the fat that accumulated there. The more you read the lesser time you will have to exercise.

ข้อความข้างต้นนั้นเป็นข้อความที่ผมเขียนไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว พอเขียนบล็อกไป เขียนไปหลายปีเค้า แนวทางก็เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามสถานะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่วันนี้ ( พฤษภาคม 2561 ) โลกนั้นมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น โลกยุคโลกาภิวัฒน์, Social Network, i-phone8,UBER, Airbnb,Electric Car, Cryptocurrency, Thailand 4.0 ฯลฯ.ที่ทำให้เทคโนโลยี่ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในโอกาสที่บล็อกผมมีอายุครบสิบปีนี้ผมจึงคิดว่าบล็อกผมควรจะได้มีการปรับเลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานะการณ์ ดังนี้:

  1. เพิ่มภาษาอังกฤษ อีกภาษาหนึ่ง เพื่อให้ทุกชาติทุกภาษาได้อ่านกัน เพราะตอนนี้โลกมันแคบลงทุกวัน
  2. สิ่งที่จะทำให้เกิดช่องทางทำมาหากินหารายได้ก็จะกินความให้กว้างมากขึ้น อาจจะรวมไปถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น แนวคิดการทำธุระกิจที่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ ธุรกิจในโลกดิจิตัล เป็นต้น
  3. ผมได้ชวนเพื่อนเก่าของผม (แต่อายุน้อยกว่าผม) ที่ท่องเที่ยวมาทั่วโลก มากกว่าผมเสียอีก มาช่วยเขียนเรื่องราวที่เป็นภาษาอังกษ (ที่ผมไม่ค่อยถนัดนัก) มานำเสนอมุมมองใหม่ๆ ตามภาษาคนหนุ่มไฟแรง เพื่อนคนนี้ชื่อ Bobby Pang ครับ เค้าคงจะเริ่มในไม่ช้านี้ ในระหว่างนี้ผมอาจจะเหมาทั้งสองภาษาไปก่อน

เชิญติดตาม บล็อกในรูปโฉมใหม่ที่น่าจะเรียกว่า “เที่ยวไปรวยไป” แทนที่จะเรียกว่า “พาไปเที่ยว พาไปรวย” ได้เลยครับ และขอขอบคุณทุกท่านที่มาชม บล็อกนี้ จนยอดการเข้าชมกำลังจะถึง… อ่านเพิ่มเติม “พาไปเที่ยว–พาไปรวย ( Travel and Get Rich)”