ตะลุยบาหลี–บาหรู


เมืองแรกที่ผมกำลังจะพาคุณไปกับผมก็คือ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านของเรานี่ เอง ทำไมจึงเลือกเอาเมืองนี้ก่อน? ก็เพราะผมกำลังอยู่ที่เมืองนี้นี่ครับ เลยมีวัตถุดิบให้เริ่มง่ายหน่อย และเป็นเมืองที่ไม่ค่อยจะมีคนไทยนิยมมากเที่ยวเท่าไร ประเทศอินโดนีเซียนี่เป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะทั้งหมด ตั้งแต่เกาะขนาดใหญ่มากๆอย่างเกาะสุมาตรา เกาะชวา จนมาถึงเกาะบาหลีซึ่งใหญ่ประมาณสี่ เท่าของเกาะภูเก็ต และเกาะขนาดเล็กๆลงไปอีก นับไปนับมาได้หมื่นกว่าเกาะ ไม่รู้นับได้ถ้วนอย่างไร?และมีประชากรมากๆๆ นับล่าสุดประมาณ 273 ล้านคน พอนับเสร็จก็เกิดเพิ่มมาอีกเป็นเท่าไรไม่รู้ ที่รวย ก็รวยมากๆๆ ดังนั้นจึงเป็นประเทศที่น่าค้าขายด้วยมาก เพราะยังผลิตอะไรได้เองน้อยมาก ต่างจากประเทศจีน ที่ส่วนใหญ่เค้า ผลิตได้เองทั้งนั้น และถูกกว่าคนไทยผลิตเองเสียอีก แล้วเราจะเอาอะไรไปขาย เค้า?? และที่สำคัญมากๆที่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างเปิดเผย คือคนอินโดฯไม่ชอบคนจีน และคนจีนก็ไม่ ชอบคนอินโดฯ เพราะสมัยที่อินโดฯได้เอกราชใหม่ๆ คนจีนถูกฆ่าตายด้วยข้อหาเป็น คอมมิวนิสต์ไปกว่า สี่-ห้าแสนคน น่าตกใจไม๊ละครับ? เพราะฉะนั้นก็ยังเป็นโอกาศอันดีของคนไทยที่จะมาทำอะไรๆ กับ คนที่นี่ โปรดติดตามไปเรื่อยๆ แล้วจะค่อยๆเห็นเองว่ามีอะไรจะทำกันได้บ้าง บาหลีนั้นตั้งอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรประมาณ 9-10 องศา ขณะที่เมืองบางกอกของเราตั้งอยู่ที่ 13.45 องศาเหนือเส้นศูนย์สูตร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกแปลกๆนิดๆ เพราะอะไรต่อ มิอะไรมันกลับตาละปัตรกับประเทศไทย เช่น ในช่วงเดือนพ.ย. ถึง เดือนธ.ค. นั้นเป็นช่วงหน้าร้อนน้อยของเมืองไทย(ผมไม่อยาก เรียกว่าหน้าหนาว เพราะบอกกับฝรั่งทีไร มันหัวเราะเยาะเอาทุกที เพราะอุณหภูมิระหว่าง16-22 องศาเซ็นติเกรดนั้น ฝรั่งบอกว่ากำลังสบายๆ) แต่ที่นี้กลับกลายเป็นหน้าร้อนแล้วก็ฝนตกมากๆ สาเหตุก็คือโลกนั้นเอียงขึ้นไปด้านเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว เมืองไทยก็เลยอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ออก ไปอากาศก็เย็นลง นอกจากนั้นเมืองไทยเราเวลากลางวันจะสั้นลง ค่ำเร็วหกโมงเย็นก็มืดแล้ว ในขณะ เดียวกันก็เลื่อนเอาเมืองบาหลีเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ยิ่งขึ้น ก็เลยกลายเป็นหน้าร้อน แต่กลางวันกลับสั้น ค่ำเร็ว พอถึงเดือน เมษาในขณะที่เมืองไทยเข้ามาใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด บาหลีจะเลื่อนลงไปห่างจากดวงอาทิตย์มากยิ่งขึ้นอีกประมาณ 10 องศา ก็เลยเย็นกำลังสบายๆ นักท่องเที่ยวที่นิยมอากาศเย็นๆจึงแห่มาเที่ยวบาหลีกันเต็มไปหมด แล้วก็ฝนแทบจะไม่ตกเลย และกลางวันกลับ ยาวออกทุ่มหนึ่งยังไม่ค่อยจะมืดเลย นี่ละครับต้นไม้ต้นไร่ผลไม้ต่างๆมันก็เลยกลับตาละปัตรกันหมด เดือนพฤศจิกายนมะม่วง
ออกเต็มไปหมด เดือนกุมพา มังคุด ทุเรียน ออกกันพรึบพรับ

พาไปบาหลี–บาหรู

รูปที่ถ่ายมาให้ดูนี้เป็นงานปูนปั้นขนาดสูงกว่า 20 เมตร มีความสวยงามมาก ชื่อว่า เดวารุจี

ตั้งอยู่กลางวงเวียนบนถนนจากสนามบินไปสู่เมืองบาหลี เป็นรูปยักษ์กำลังสู้กับงู ยักษ์นั้นนุ่ง ผ้าขาวม้าตาหมากลุกสีขาวดำ มองดูเหมือนนุ่งผ้าให้กับรูปปั้น แต่จริงๆแล้วเอาสีมาทา

ที่เล่าเรื่องนี้มากหน่อยเพราะอยากจะฝากข้อคิดไว้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกับการ เกษตร ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ว่าจะวางแผนอะไรก็ให้เอาเรื่องพวกนี้มาคิด ด้วย เวลาไปต่างประเทศต้องเก็บเอาข้อมูลพวกนี้มาพิจารณาร่วมด้วย อย่าเอาแต่ตั้ง หน้าตั้งตาไปช็อปปิ้งลูกเดียว ท่านทราบหรือ ไม่ว่ามีข้าราชการกระทรวงหนึ่งที่ตั้ง อยู่แถวๆเมืองนนท์นั้นทำความเอือมละอาให้กับฝรั่งต่างชาติมาก เวลาที่ติดขอไปดู งานในประเทศเค้า เขารังเกียจมากๆ เพราะว่าเวลาเค้าจัดบรรยาย จัดให้ดูงานต่างๆ
จะไม่สนใจ เพราะใจมันไปจดจ่ออยู่กับการอยากจะรีบออกไปช็อปปิ้ง กลัวว่าถ้า บรรยายยืดยาดร้านรวงมันจะปิดหมดท่านลืมไปว่าการจัดต้อนรับท่านนั้น หน่วย งานฝรั่งเขาต้องเสียงบประมาณไปมาก และผู้ มาบรรยายให้ท่านฟัง นั้นเค้าต้อง เสียเวลาการทำงานที่สำคัญๆของเขาไปโดยเปล่าประโยชน์ทุกฝ่ายไม่ทราบว่าท่านเคยทราบบ้างหรือเปล่า? งามหน้าไม๊ละครับท่าน? พี่น้องทุกท่านครับ เอาแล้วไม๊ละครับจะออกนอกเรื่องแล้ว ไว้วันหลังผมจะวกมาพูดถึงการ เกษตรต่อ วันนี้ไปเที่ยวกันให้สนุกก่อน

เมืองบาหลีนี้คนไทยโดยเฉพาะผู้มีอันจะกินสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ เริ่มรู้จักและมาเที่ยวกันบ้าง แล้วเราจะเห็นได้จากใน วรรณคดีไทยและภาษาไทยนั้นได้มีภาษาบาหลีไปสอดแทรกอยู่บ้างแล้ว เช่น คำว่า “บุหลัน” นั้นแปลว่าพระจันทร์ ในภาษาไทยก็มีเพลง ไทยเดิมที่ชื่อว่า “บุหลันลอยเลื่อน” หรือใน ภาษาไทยเรียกชาวอินโดนีเซียว่า “อิเหนา” หรือมีการรำในการแสดงที่ชื่อ “อิเหนารำกริช” เป็นต้นผมมานั่งวิเคราะห์ดูคำว่า “อิเหนา”นั้นมาได้อย่างไร เพราะในภาษาอินโด ไม่มีคำว่าอิเหนามีแต่คำว่า “อินี่” ที่ใช้เรียกบุรุษที่หนึ่ง หรือตนเอง หรือของสิ่งนี้เลยเดาว่าคำว่า อิเหนา คงเพี้ยนจากคำว่า อินี่ ไม่ทราบว่าจะถูกผิดอย่างไร รับฟังไว้ก่อนก็แล้วกัน