ตอนที่สองผมจะมาเล่าต่อถึงน้ำมันมะรุม
น้ำมันมะรุมนี้เหมาะต่อการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเสริมสวย ทำเครื่องสำอางค์ ใช้ในการบำรุงผิว บำรุงผม นอกจากนั้นยังมีสารฆ่าเชื้อและสมานแผล มีสรรพคุณในการแก้ผื่นคัน แมลงกัดต่อยและแผลถลอกนอกจากนั้นยังมีไวตามิน เอ และ ซี ที่มีประโยซน์ในด้านเสริมสวย ในขณะเดียวกันก็สามารถนำไปปรุงอาหารเช่นเดึยวกับน้ำมันมะกอกและมีคุณสมบัติพอฟัดพอเหวี่ยงกับน้ำมันมะกอกเลยทีเดียว ดูรายละเอียดคุณสมบัติด้านล่างนี้
1. ช่วยบำรุงรักษาผิวที่แห้งให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม และช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยของผิว
2. ช่วยบรรเทาการเกิดสิวบนใบหน้า
3. ช่วยลบรอยจุดด่างดำของผิวอันเป็นผลจากการโดนแดด หรือการเสื่อมตามวัย
4. ช่วยรักษาโรคเชื้อราตามผิวหนัง เช่น โรคน้ำกัดเท้า เชื้อราตามซอกเล็บ และผิวแห้งเพราะเชื้อรา
5. ช่วยรักษาแผลถูกมีดบาด หรือแผลสดเล็ก ๆ น้อย ๆ
6. ลดอาการผื่นคันตามผิวหนัง และอาการแพ้ผ้าอ้อมของเด็กอ่อน
7. ลดอาการปวดบวมของโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์
8. ช่วยรักษาแผลในปาก หรือแผลของโรคปากนกกระจอก
9. ใช้ปรุงอาหารเช่นเดียวกับน้ำมันมะกอก แต่ดีกว่าเพราะไม่มีกลิ่นเหม็นหืนภายหลัง
10. ใช้นวดกระชับกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี
11. ใช้นวดศรีษะ รักษาโรคเชื้อราบนหนังศรีษะ บรรเทาอาการผมร่วงง่าย และอาการคันศรีษะ
12. ช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย อาการปวดและอาการบวมจะลดลงอย่างรวดเร็ว
13. บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามบั้นเอวและขา เนื่องจากการยืนนาน ๆ อาการปวดตามไหล่ และปวดศรีษะ
14. ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ ประจำบ้าน ทำให้สิ่งของไม่เป็นสนิม
วิธีการใช้ – ใช้ทาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตามสรรพคุณดังกล่าวข้างต้น หรือใช้ทำอาหารได้ หรือจะใช้เป็น dat & night cream ก็ได้
เห็นไม๊ครับมีประโยชน์ของมะรุมอีกมากที่เราคนไทยไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีต เพราะไทยเราไม่มีคนสนใจในเรื่องมะรุม และเราไม่ได้ทำวิจัยในเรื่องมะรุม โดยเฉพาะการนำเมล็ดมะรุมมาหีบทำน้ำมัน ในปัจจุบันราคาน้ำมันมะรุมมีราคาขายปลีกสูงถึงลิตรละ 20,000. บาท ทีนี้ท่านอาจจะถามว่าแล้ว มะรุม-ต้นไม้กายสิทธิ์จะมาแก้วิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างไร?
ต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมมองเห็นหนทางที่ท่านจะได้เงินได้ทองจากมะรุม คือ
๑) ท่านที่ถูกเลิกจ้างและต้องกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดและท่านมีที่มีทางที่พอจะปลูกต้นไม้ได้บ้าง ผมขอแนะนำให้ท่านรีบไปหาต้นมะรุมในแถวๆบ้าน และไปขอริดกิ่งขนาดเส้นผ่าศูยน์ กลางขนาดประมาณ ๑-๒ นิ้ว และนำมาตัดเป็นท่อนๆละยาวระหว่าง ๑-๒ เมตร และปักชำไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้
๒) หากในระหว่างนั้นเจอฝักแก่ๆก็ให้นำมาแกะเมล็ดและนำมาเพาะในถุงดำไว้ด้วย
๓) ส่วนใบสดที่ติดมาด้วยอย่าไปทิ้ง บางส่วนให้นำมาผัดมาแกงแบบเดียวกับผักโขมผักปวยเล้ง เค้าว่ารสชาติไม่ต่างกัน แต่โปรตีนและแคลอรี่ที่ได้นั้นสูงกว่าเยอะ หลายชาติในอินเดีย ฟิลิปปินส์และอาฟาริกา เค้าบริโภคกันมานานแล้ว คนไทยเราไม่มีการบริโคใบมะรุมมาก่อน ตอนนี้มีคนจำนวนมากอยากจะทดลองกิน แต่หาซื้อไม่ได้
๔) ส่วนใบสดที่เหลือกินไม่หมด อย่าไปทิ้งเอาไปพึ่งลมให้แห้ง ให้แน่ใจว่าแห้งจริงๆ ความชื้นไม่ควรเกิน 5% (อย่าตากแดดมิฉะนั้นไวตามินจะหายหมด) เมื่อแห้งสนิทจริงๆให้เอามาบดให้เป็นผง นำมารัปประทานได้เพราะในใบแห้งยังมีแคลอรี่สูง และยังมีแคลเซี่ยม ไวตามิน B1, B2, E และ C อยู่อีกมาก
๕) ทีนี้พอต้นมะรุมทั้งที่เพาะชำจากกิ่งที่ปักไว้ และจากเม็ดที่เพาะไว้งอกเติบโตแข็งแรงดี ก็ถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจเลือกว่าท่านจะปลูกมะรุมขายใบหรือขายฝักและเมล็ด
ถ้าท่านมีที่ดินกว้างขวางพื้นที่เหลือเฟือ ผมแนะนำให้ปลูกทั้งสองแบบ คือปลูกแบบขายใบจะได้เงินเร็ว มีรายได้ไปพลางๆ ในขณะเดียวกันก็ปลูกแบบขายฝักไปด้วย เพราะกว่าที่ต้นมะรุมจะโตออกฝักและฝักแก่จะใช้เวลาประมาณ ๑๘ เดือน
ในการปลูกมะรุมเพื่อขายใบนั้นวิธีการปลูกก็ทำเช่นเดียวกับปลูกต้นกฐิน ปลูกเป็นแถวๆหรือปลูกเป็นแนวริมรั้วหรือริมทาง และตัดแต่งกิ่ง เก็บใบเช่นเดียวกับการเก็บใบกฐิน แต่การตัดก้านของมะรุมให้ตัดยาวกว่าก้านกฐิน
การปลูกแบบขายฝักและขายเมล็ดนั้นก็ปลูกเป็นแปลงเช่นเดียวกับการปลูกมะม่วง แต่ระยะห่างระหว่างต้นอาจจะลดลงเหลือ 5X5 หรือ 5X6 เมตร เมื่อออกฝักก็อาจจะเก็บฝักบางส่วนไปขายสด และปล่อยบางส่วนให้เป็นเมล็ดแก่ และเก็บเมล็ดแก่ไปขายหรือไปหีบเอาน้ำมัน
๖) สำหรับที่ท่านไม่มีที่ดินที่จะปลูกทั้งแบบขายใบและขายต้นก็ให้เพาะชำไว้ขายต้นพันธุ์ ถ้าท่านรีบๆทำตอนนี้ พอเดือนมิถุนายนต้นมะรุมก็จะโตพอที่จะนำไปปลูกได้ ท่านก็จะมีรายได้อย่างรวดเร็ว พอประทังชีพไปพลางๆก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัว ในขณะเดียวกันก็หาพื้นที่ปลูกแบบกินใบสักสิบยี่สิบต้นไว้ในบ้าน เอาไว้เก็บกินเอง รับรองว่าคุณค่าทางอาหารนั้นดีกว่ากิน บะหมี่มาม่า ไวไว หลายเท่าตัวนัก แต่มีคนเตือนไว้ว่า อย่ากินดอกมะรุมดิบ ต้องเอามาต้ม มาลวกเสียก่อน ผมเชื่อว่าในไม่ช้าทุกบ้านในประเทศไทยจะปลูกต้นมะรุมไว้ในบ้านกันคนละต้นสองต้นทุกบ้าน เพราะมันมีทั้งวิตามินและตัวยาต่อต้านมะเร็ง การที่ท่านมีต้นมะรุมไว้ในบ้านเท่ากับท่านมีตู้ยาประจำบ้านเลยทีเดียว แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ มะรุมนั้นท่านไม่ต้องเสียเงินซื้อ
๗) ขั้นต่อไปหากท่านที่ไม่ได้มีที่ทางจะปลูกต้นมะรุมได้ ท่านก็สามารถทำมาหากินกับต้นไม้กายสิทธินี้ได้ จากการเป็นผู้ค้า โดยการไปรับซื้อผลิตภัณฑ์จากมะรุมมาขายต่อ ตั้งแต่ต้นอ่อนมาขายให้คนในกรุงเทพและปริมณฑลนำไปปลูกตามบ้านไว้เก็บใบ เก็บฝักกิน
ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้แม้กระทั่งคนอเมริกันยังหันมาปลูกผักกินกันมากมาย
นี่แหละครับหนทางทำมาหากินที่ท่านจะนำไปประกอบอาชีพหารายได้มาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปพลางๆ รวมทั้งท่านอาจจะปลูกมะรุมไว้กินเองอีกด้วย เป็นการลดการใช้เงินในการซื้ออาหารมาเลี้ยงครอบครัวอีกด้วย ท่านใดมีข้อสงสัยหรือมีความเห็นเพิ่มเติมส่งข้อความมาคุยกันได้
ขอให้โชคดี ขอให้โชคดี
ผมจะปลูกให้มากที่สุดครับ ผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งใบและฝักครับคงเริ่มที่ 10 ไร่ก่อน หวังว่าพี่คงแนะนำเรื่องการตลาดน่ะครับ
ถูกใจถูกใจ
คุณนพรัตน์
รูปที่ผมลงไว้นั้นเป็นรูปที่ปลูกกันในทวีปแอฟาริกาครับ
การตลาดของมะรุม
มะรุมนั้นไม่ใช่ของใหม่ของเมืองไทย แต่ต้องใช้เวลาบ้างเล็กน้อยในการสอนให้คนในบ้างแห่งที่ไม่เคยบริโภคใบ ให้รู้จักบริโภค จริงๆแล้วมันเป็นปัญหาแบบไก่กับไข่ คือว่าแทบจะไม่มีการเก็บใบมะรุมมาขายกันเป็นล่ำเป็นสันแบบ ชะโอม หรือหัวระพา สะเดา ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นในตอนต้นๆของการออกตลาดอาจจะต้องให้ผู้ขายแนะนำให้ผัซื้อรู้จัก อาจจะรุมได้ตั้แต่ตลาดในท้องถิ่น ตลาดซุปเปอร์มาร์คเก็ตก็ได้ โดยสรุปตลาดของมะรุมมีดังนี้
ก. ตลาดใบ – ขายให้คนนำไปทำอาหารบริโภค,
ข. ตลาดใบ – ขายเป็นอาหารวัวเนื้อ วัวนม ได้ผลดีกว่าหญ้าเนื่องจากมีคุณค่ามากกว่า ผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า น้ำหนักตัวของวัวเนื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าเลี้ยงด้วยอาหารแบบเดิม –เปอร์เซ้นต์ต่อวัน ส่วนวัวนมนั้นการให้นมเพิ่มขึ้น เปอร์เซ็นต์ต่อวัน การปลูกต้นทุนต่ำกว่าหญ้าเนื่องจากไม่ต้องลดน้ำมากมายแบบแปลงหญ้า พื้นที่ซึ่งไม่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ก็ปลุกได้
ค. ตลาดฝัก – ฝักอ่อนมีการขายอยู่มากมายแล้ว
ง. ตลาดเมล็ด – ขายเมล็ดแก่ให้โรงงานซื้อไปผลิตน้ำมันมะรุม เป็นเครื่องสำอางค์ ปรุงอาหาร แม้กระทั่งใช้เติมเครื่องยนตร์แบบน้ำมันสบู่ดำ
จ. ตลาดน้ำมันมะรุม – ท่านอาจจะติดตั้งเครื่องผลิตน้ำมันมะรุม แล้วขายน้ำมันแทนการขายเมล็ดยิ่งจะมีรายได้มากขึ้น
จุดเริ่มต้นขายที่ดีอีกอันคือปั๊มน้ำมัน บางจากกรีน หรือพวกหน่วยงาน ร้านค้าที่ขายอาหารสุขภาพ
จะเห็นได้ว่าต้นมะรุมนั้นมีผลิตผลขายได้ทุกส่วน ดังนั้นไม่ต้องกังวลจะไม่มีตลาด หรือจะล้นตลาด พอคนเริ่มรู้สรรพคุณของมะรุม ใบก็จะไม่เหลือไปถึงเป็นอาหารสัตว์ เพราะขายเป็นอาหารคนได้ราคาดีกว่า แม้กระทั่งน้ำมันมะรุม คนจะซื้อไปขายเป็นเครื่องสำอางค์กันหมด เพราะราคาดีกว่านำไปปรุงอาหารมากมายนัก หากเหลือมาถึงน้ำมันปรุงอาหารก็ไม่มีทางเหลือลงไปเป็นน้ำมันเติมรถเพราะคนจะมากินแทนน้ำมันปาล์มหมด
ถูกใจถูกใจ
ดิฉันทานเม็ดมะรุมมาได้เดือนกว่าแล้ว เพราะเป็นโรคเลือดลมเดินไม่สะดวก ท้องผูกมาก มีแก๊สในกระเพาะมาก ทานอาหารไม่ได้มากก็จะมีอาการแน่น และยังเป็นโรคแพ้อากาศ เป็นหวัดประจำถ้าอากาศเปลี่ยน
แต่หลังจากทานเม็ดมะรุมวันละ 3 มื้อ ๆ ละ 2-3เม็ด ตอนนี้ อาการดังกล่าวหายไปหมด แต่แรก ๆ จะมีการปวดหลังและจามบ่อยมาก หลังจากทานยา และมีอาการปวดตามข้อมือ ข้อเท้า และหัวเข่า เวลาก่อน
นอนจะเป็นมาก แต่พอตื่นขึ้นอาการก็ดีขึ้น
ส่วนอาการแพ้อากาศ และหวัด หายไปโดยสิ้นเชิง
ดิฉันยอมรับในพืชมหัศจรรย์นี้จริง ๆ
และขณะนี้ มีโครงการจะปลูกไว้ให้มากที่สุด เพราะมีที่ดินอยู่จำนวนหนึ่งที่ อ.แม่อาย ติดเชิงเขา ตอนนี้มีปลูกไว้เพียง 3 ต้น แต่ยังไม่ฟักเลย มีแต่ใบเต็มต้น
และทุกคนในครอบครัวทานมะรุมกันทุกคน
ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว เพราะเชื่อว่า ถ้ามนุษย์เราได้มีการขับถ่ายเป็นปกติ มีกำลังวังชา สายตาดี ก็ไม่น่าจะมีโรคภัยอื่นเบียดเบียน
วันนี้ได้มาอ่านเจอบทความของคุณ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับชีวิตอีกหลาย ๆ ชีวิต
เพราะดิฉันจะปลูกเอาไว้เพื่อแจกจ่ายเป็นยารักษาโรคแก่คนทั่วไป เพื่อเป็นวิทยาทานต่อไปค่ะ
ถูกใจถูกใจ
ขอคุณMUJA ช่วยบอกวิธีกินเม็ดมะรุมให้ทราบด้วยครับ ว่าต้องมาเอาเปลือกบางๆออกก่อนหรือไม่? ต้องเอาเมล็ดไปคั่ว ไปอบหรือกินดิบๆ? ทั้งนี้ผู้อ่านท่านอื่นจะได้กินอย่างถูกต้อง
ถูกใจถูกใจ
อยากทราบว่าจะนำผลผลิตของมะรุมไปขายได้ที่ไหนบ้าง
ถูกใจถูกใจ
ตอบคุณก้อน,
ถามมาสั้นๆ แต่สงสัยต้องตอบกันยาว เพราะไม่ได้ระบุว่าผลผลิตแบบไหน คงต้องร่ายยาว ตั้งแต่ใบสด ใบแห้ง(ผง) เมล็ดแห้ง น้ำมัน ผมจะว่าไปทีละผลิตภัณฑ์ ท่านผู้อ่านท่านอื่นที่สนใจก็จะได้รับข้อมูลไปด้วย
๑) ใบสด ถ้ามีไม่มากก็อาจจะตัดยอดและทำเป็นกำๆ ไปขายแบบฝักสด หรือผักสดอื่นๆ ต้องประชาสัมพันธ์ประโยชน์ให้ผู้บริโภคได้รู้จักประโยชน์ด้วย ถ้ามีมากให้ติดต่อร้านพวก บางจากกรีน ฟูดแลนด์ ซุบเปอร์ต่างๆ เพื่อวางขายแบบผักสด ใบพวกนี้นำไปผัดกับน้ำมันหอยมีประโยชน์มาก อร่อยด้วย แต่หาซื้อใบสดไม่ค่อยได้
๒) ใบแห้ง ใบแห้ง มีผู้ที่ทำใบแห้งป่นบรรจุแคบซูลขาย ประกาศขอซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกร เพื่อไปบรรจุแคบซูลขายอีกที ถ้าจะบ่นขายเองก็ได้ แต่ให้ระวังว่าใบบ่นต้องมมีความซื้นไม่เกิน ๕ % มิฉะนั้นอาจมีการขึ้น”รา”ได้ หลังจากบรรจุใส่แคบซูลไปแล้ว โดยเรามองไม่เห็น ราพวกนี้บางชนิดอาจจะให้โทษได้
๓) เมล็ดแห้ง มีพวกรับซื้อเมล็ดแห้งอยู่สองพวก พวกที่หนึ่งคือพวกเอาเมล็ดไปเพาะเป็นต้นเพื่อขายให้คนไปปลูก ให้โฆษณาตามหนังสือวารสารการเกษตร และติดต่อตามแผงขายต้นไม้แถบชานเมือง หรือ ตลาดนัดจตุจักร
พวกที่สอง คือพวกที่ เอาเมล็ดแห้งไปบีบเอานำมัน ให้ติดต่อตามเว็บไซด์ที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ขายน้ำมันมะรุม หรือไปหาซื้อน้ำมันมะรุมที่มีการวางขายตามร้านขายเครื่องประทินโฉม เพื่อดูชื่อผู้ผลิต และติดต่อกลับเพื่อขายเมล็ดแห้ง
๔) ขายนำมัน ถ้าคุณผลิตน้ำมันมะรุมขายเองก็ ลองโฆษณาขายทางเว็บไซด์ หรือขายผ่านทางสปา ร้านเสริมความงาม ร้านบางจากกรีน
ผมว่าถ้าทำได้ตามนี้ก็น่าจะไปได้ หากมีท่านใดจะซื้อจะขายจะแจ้งผ่านบล็อกนี้ก็ได้ ผมจะเป็ศูยน์กลาง ช่วยแจ้งต่อให้
ถูกใจถูกใจ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เริ่มสนใจสรรพคุณมะรุมมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นแต่ในเว็บขายสินค้าโอทอป แต่ปุ๊กอยากปลูกเป็นอาชีพ เชิงอุตสาหกรรม เช่น น้ำมันมะรุม แต่ไม่ทราบแนวทางจะเริ่มอย่างไร พอจะบอกวิธีการสกัดน้ำมัน ต้องลงทุนเท่าไหร่ ความต้องการตลาดใน-นอกประเทศ มีมากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญอยากรู้จักประวัติพี่จัง ทำไมถึงเขียนเรื่องมะรุมขึ้นมา แล้วจะติดตามเว็บพี่อีกนะค่ะ
ถูกใจถูกใจ
สนใจมากค่ะ กำลังจะปลูก อยู่พอดี รบกวนติดต่อกลับด้วยนะค่ะ
ถูกใจถูกใจ
ตอนนี้เราขายส่งใบมะรุมในแคปซูล ขนาด 250 มก. มีซองกันความชื้น บรรจุ 100 แคปซูล
ราคาขายส่ง 150 บาท จำนวนสั่งขั้นต่ำ 1 โหล
เงื่อนไข.
-ค่าส่งไปรษณีย์ 70 บาท ต่อ หนึ่่งโหล
-โอนเิงินเข้าธนาคาร
-ซื้อตั้งแต่ 3 โหล ส่งฟรี ทางไปรษรณีย์
มีเลขที่ทะเบียนพาณิยช์
prapit.langner@gmail.com
ถูกใจถูกใจ
พิจารณาข้อมูลกันเอาเองนะครับ งานนี้คุณปุกกี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบล็อกนี้ ผมเอาลงให้เพื่อเป็นข้อมูลให้กับท่านที่สนใจจะทำธุรกิจเกี่ยวกับมะรุม
ถูกใจถูกใจ
พี่ปลูกเองรึเปล่าค่ะ
ถูกใจถูกใจ
ดีจังเลยครับ ผมจะปลูกไว้กินบ้าง และถ้าเป็นไปได้ ก็จะปลูกไว้ขายด้วย แต่อยากได้ข้อมูลจำพวกผลการวิจัยที่เป็นทางการเกี่ยวกับสรรพคุณของมะรุม จะได้นำไปเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ต่อไปครับ
ถูกใจถูกใจ
คุณมนตรี,
ข้อมูลเกี่ยวกับสรรพคุณของมะรุมจากผลงานวิจัย ผมได้นำลงไว้แล้วในตอนที่ ๑ ซึ่งจะเข้าไปดูได้ที่https://travelandgetrich.wordpress.com/2009/03/18/มะรุม-ต้นไม้กายสิทธิพิชิตความจน-Moringa Tree 1 ลองเข้าไปดูได้เลยครับ
ถูกใจถูกใจ
มีที่ดินอยู่ 2 ไร่ครึ่ง สามาราปลูกมะรุมทั้งหมด รายรายสามารถเลี้ยงตัวเองคนเดียวได้หรือไม่ ตอนอายุมาก อยากรู้วิธีการปลูกและ ข้อจำกัดต่างๆเช่น
เอาเมล็ดมาบดป่นเองเกรงว่าจะมีเชื้อราจะทำอย่างไร เพราะมองไม่เห็น
ปัจจุบันเป็นโรคหัวใจ เกินยาเดือนละ สองพันกว่าบาท รายได้ก็น้อยขอคำแนะนำด้วยสำหรับผู้รู้
ขอบคุณครับ
ถูกใจถูกใจ
ข้อมูลดีมากๆ หาอ่านอยู่ให้มีความรู้แล้วจะปลูกในที่ว่างๆค่ะ
ขอบคุณมาก
ลี่
ถูกใจถูกใจ
ผมมีห้องอบแห้งพืชผลทางการเกษตรเอามะรุมมาอบแห้งได้นะครับ1ห้องอบได้6ตันดิบๆเลยครับและมีถึง6ห้องโทรคุยก่อนก็ได้ครับ เบอร์ 0817179623
ถูกใจถูกใจ
ขอทราบตลาดขายน้ำมันมะรุมหน่อยครับ
ถูกใจถูกใจ
ตอนนี้ปลูกมะรุมไว้แต่ไม่รู้จะขายใคร
ถูกใจถูกใจ
ตอบคุณ ต้น และคุณแคท,
ผมพยายามช่วยคุณหาแหล่งที่ซื้อ/ขาย ไปเจอชื่อคุณอรวรรณ ใบมาก ขายใบมะรุม น้ำมันมะรุมอยู่ที่นครสววรค์ อาจจะต้องการวัตถุดิบไปผลิต ลองติดต่อดูนะครับเผื่อเค้าจะซื้อ เบอร์โทรศัพท์ 087-3175047, email: baimako@yahoo.com, อีกท่านเป็นกลุ่มแม่บ้าน ชื่อ สงัด พรหมเมศ มีความรู้เรื่องมะรุมมาก ลองติดต่อดู อาจจะได้คำแนะนำ เบอร์โทรศัพท์ 02-940-5426-7,02-809-4211-3.
ถ้ายังหาที่ขายไม่ได้ แบ่งเมล็ดบางส่วนมาเพาะไว้ขายเป็นต้นกล้า เอาไว้ขายเป็นต้นให้ผู้สนใจนำไปปลูก
อีกจุดหนึ่งตัดใบสดแล้วกำไปขาย ให้คนนำไปผัดกิน ผมเคยกินแล้วอร่อยดีครับ
ถูกใจถูกใจ
สวัสดีครับ อยากทราบว่า การเพาะชำทั้งสองแบบใช้เวลาเท่าไหร่ครับ และถ้าเริ่มปลูกปีหน้าจะล้นตลาดหรือไม่ครับ
ถูกใจถูกใจ
ขายเม็ดแคปซูนมะรุม 100แคปซูน ราคา 80 บาทสนใจ ติดต่อเบอร์ 0890731230ณิชา
ถูกใจถูกใจ
เชิญติดต่อกับคุณณิชาภากันเองนะครับ ผมไม่เกี่ยว
ถูกใจถูกใจ
สวัสดีครับ อยากได้เมล็ดพันธ์ ของแอฟฟิกา ครับ ไครมีเมล็ดสายพันธ์นี้ ขาย ติดต่อขอราคาจำหนายด้วยนะครับ ขายยังไง แบ่งขายเป็นกิโล/ถุง/เม็ด:ราคาเท่าไหร่
0824678970 ปอนด์
ถูกใจถูกใจ
***มะรุมนะครับ***
ถูกใจถูกใจ
ตอนนี้เมล็ดมะรุมแห้ง ราคาซื้อขายอยู่ที่เท่าไหร่ มีแหล่งอยู่ที่ไหน หากต้องการจำนวนมากๆๆ สนใจมากค่ะ
ถูกใจถูกใจ
เท่าที่ทราบไม่มีแหล่งที่ชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นการว่าจ้างชาวบ้านเก็บมาจากต้นมะรุมที่ขึ้นอยู่ตามหัวไร่ปลายนาตามต่างจังหวัด ราคาตามตกลงกัน
ถูกใจถูกใจ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟตอนนี้เรานำผงใบมะรุมมาผสมกับกาแฟรสชาติหอมกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ของมะรุมซึ่งเป็นเจ้าแรกในเมืองไทย รับสมัครตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศครับ
ถูกใจถูกใจ