สิบงานทำเงิน สำหรับคนไทยในอนาคต


สิบงานทำเงิน สำหรับคนไทยในอนาคต

        วันนี้คงไม่ได้พาท่านไปเที่ยวไหนกันอีกแล้ว เพราะมีเรื่องที่จะต้องหาคำตอบให้เพื่อนๆที่มีเรื่องกลุ้มใจหารือกันมาหลายราย ผมอยู่ที่นี่ได้รับอีเมลล์จากเพื่อนๆ หารือมาอยู่เรื่อย ว่าลูกๆจบปริญญาตรีกันมาแล้วหางานทำไม่ได้ จะไปทำอะไรดี? ผมฟังแล้วก็อดกลุ้มแทนพรรคพวกไม่ได้ มว่าท่านผู้อ่านหลายๆท่านก็คงมีความกลุ้มใจทำนองนี้เช่นกัน สมัยลูกผมจบมาใหม่ๆผมก็กลุ้มอยู่เหมือนกัน ไอ้ลูกคนโตผมเค้าไม่เกี่ยงงาน งานอะไรเค้าก็เอาไว้ก่อน พอทำไปแล้วเจอช่องทางที่ดีกว่าเค้าก็เปลี่ยนใหม่ ทำอย่างนี้อยู่สองสามครั้ง ปัจจุบันเค้าออกมาทำธุระกิจส่วนตัว เปิดบริษัทรับจ้างทำเว็ปไซด์มีลูกค้าทั่วโลกเนื่องจากสมัยนี้โลกมันไร้พรหมแดน พออยู่ได้สบายๆตามสภาพเศรษฐกิจโลก ไอ้ลูกคนที่สอง จบมาแล้วหางานอะไรทำไม่ได้อยู่หลายเดือน ในที่สุดต้องไปทำงานที่ต่ำกว่าวุฒิอยู่หนึ่งปี ขึ้นปีที่สองได้งานใหม่ไปเป็นโฟรแมนคุมก่อสร้างทั้งๆที่ไม่ตรงกับที่เรียนมาเลย ปีที่สามจึงเปลี่ยน งานใหม่ค่อยตรงกับสายงานที่เรียนมา พอสบายหน่อย

ผมมานั่งเปรียบเทียบตอนตัวผมเองเข้าเรียนปริญญาตรีประมาณสี่สิบกว่าปีมาแล้ว สมัยนั้นเราจะมองดูก่อนที่จะเรียนว่าจบมาแล้วจะมีงานอะไรทำ จะทำงานราชการ หรือ เอกชน (สมัยนั้นแทบจะไม่มีใครคิดออกมาทำธุระกิจเอง) วิชาชีพด้านไหนยังขาดแคลน เอาสายงานที่เมื่อเรียนจบแล้ว ไม่ต้องออกไปเดินหางาน จบปุ๊บได้งานปั๊บ ถึงแม้ว่างานราชการขณะนั้น เงินเดือนน้อยแสนน้อยก็ตาม ผมจบปริญญาโทเริ่มทำงานราชการ เงินเดือนๆแรก ,๑๐๐.- บาทต่อเดือน

               หลังจากผมจบปริญญาโทแล้วไม่กี่ปีค่านิยมมันก็เปลี่ยนไป เด็กๆสมัยต่อมาไม่ชอบทำงานราชการแล้ว แต่นิยมทำงานเอกชน ทำงานธนาคาร  ทำงานบริษัทฝรั่ง ต่อมาตอนก่อนลูกๆ ผมจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไม่กี่ปีค่านิยมก็เปลี่ยนไปอีก เด็กๆวางแผนที่จะออกมาทำธุระกิจส่วนตัวเมื่อเรียนจบมาแล้ว   

ผมมานั่งคิดดูว่าจากสมัยนี้ต่อไปอีกสิบปีคนไทยจะไปทำอะไรกันดีถึงจะไม่ตกงาน ร่ำรวยเป็นเศรษฐี เพื่อที่จะแนะนำให้บรรดาลูกๆของพรรคพวกไปทำกัน

       นี่คือวิถีชีวิตที่มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและทางสังคม แต่ในมหาวิทยาลัยการเรียนการสอนก็ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับ สภาพของตลาด แรงงานได้ัน ผมขอพูดตรงไปตรงมา ไม่รู้จะออ้มค้อมไปอีกทำไม เพราะอีกไม่กี่ปีผมก็คงจะตายไปจากโลกนี้แล้ว ไม่มีเวลาที่จะออ้มค้อมอ้ำอึ่งอีกแล้ว ใครจะเกลียดผม ใครจะด่าผมก็ไม่เป็นไร รีบด่าๆซะก่อนที่ผมจะตายไปเป็นผี เพราะถ้าผมตายไปเป็นผีแล้วยังด่าผมอยู่อีก ผมจะมาหลอกหลอนให้คนที่ด่าผมให้จับไข้หัวโกร๋นเป็นการแก้แค้น ผมเคยคิดอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ที่ส่งอีเมลล์มา  ว่าลูกๆที่ไม่มีงานทำนั้นให้หันมาทำธุระกิจส่วนตัว แต่ไม่กล้า กลัวมันเจ๊งหมดตัว  ที่ไม่กล้าแนะนำอย่างนั้นเพราะในมหาวิทยาลัยไหนๆ ก็ไม่เคยมีการสอนให้เด็กรู้จักหาเงิน ไม่มีหลักสูตรไหนสอนให้เป็นเถ้าแก่ ไม่มีการสอนให้ทำธุระกิจส่วนตัว  สอนแต่ให้เป็นลูกจ้างเขา  เท่าที่เห็นว่าพอจะกล้อมแกล้มเอามาใช้ได้บ้าง  ก็มีที่คณะพาณิชย์ศาสตร์ หรือคณะ บริหารธุระกิจของบางมหาวิทยาลัย ที่มีการจัดทำโครงการบริษัทจำลอง แล้วให้นักศึกษาแต่ละคนสวมบทบาทเจ้าหน้าที่ตำแหน่งต่างๆในบริษัทจำลอง เด็กที่จะได้รู้รสชาติของการทำธุระกิจส่วนตัว ไปบ้างก็คือ คนที่สวมบทบาทกรรมการผู้จัดการบริษัท กับพวกที่รับงานแผนกขายนั่นแหละ ส่วนเด็กอื่นๆที่สวมบทบาทอื่นๆก็ได้รสชาติ ของการเป็นลูกจ้างเค้าตามเคย แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย ที่โครงการบริษัทจำลองที่ดีๆแบบนี้มีระยะเวลาสั้นๆนิดเดียว นักเรียนได้อะไรไปน้อยมาก

        อีกวิชาที่ดีมากๆและจำเป็นมากๆสำหรับการไปทำธุระกิจส่วนตัวคือ การทำแผนธุระกิจ แต่มักจะมีการสอนกันแค่สามชั่วโมงโดยไปฝากไว้กับวิชาอะไรสักอย่างเท่าที่จะหาที่ฝากได้  วิชานี้แหละครับที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้นักศึกษารู้จักคิดในการจะมาทำธุระกิจส่วนตัว กลับสอนกันแค่สามชั่วโมงในมหาวิทยาลัย ผมถึงได้บอกว่ามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยปรับตัวเอง ในการสอน ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ผมเคยคุยกับอาจารย์หลายท่านในมหาวิทยาลัยมาแล้ว มีบางท่านที่มีใจกว้างก็ยอมรับ พร้อมทั้งบอกว่าพี่ผมเห็นด้วย แต่มหาวิทยาลัยก็มีปัญหา เพราะอาจารย์ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดไม่มีใครเคยเป็นเถ้าแก่าก่อน ก็เลยไม่รู้รสชาติของการเป็นเถ้าแก่ แล้วจะไปสอนเด็กให้เป็นเถ้าแก่ก็ลำบาก เพราะจะให้อาจารย์ไปคิดแบบเถ้าแก่ มันก็ไม่ถนัด

       ท่านอาจจะสงสัยว่าสอนกันแค่นั้นทำไมเด็กไทยจึงไปชนะการประกวดในต่างประเทศ ที่โน่นที่นี่กันมาเยอะแยะ วิธีการก็คือให้เด็กไปทำแผนธุระกิจมาเสนอก่อน พอเอามาคัดดู เห็นเด็กกลุ่มไหนมีหน่วยก้านดี ก็เอามาติวเข้มโดยเชิญเจ้าพ่อในวงการธุระกิจมาช่วยแก้ไขปรับปรุงแผนจนดีแล้ว จึงส่งไปประกวดในต่างประเทศ

 

 

 

นนี้แหละครับนักกอลฟ์มือหนึ่งของเมืองไทย ถาวร วิรัตน์จันทร์ เพิ่งได้แชมป์รายการใหญ่มาสดๆงานนี้รับรางวัลไปคนเดียวแค่ . ล้านบาทเท่านั้น จำหน้าเค้าไว้ให้ดีนะครับ ผมจะเล่าลายละเอียดให้ฟังในตอนหน้า

(ูปจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)

 

 

 

อาจารย์อีกท่านบอกว่าจะต้องไปสอนวิชาการทำแผนธุระกิจ ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะสอนเด็กอย่างไรให้เข้าใจในวิธีการคิด เพราะตัวเองก็ไม่เคยเขียนแผนธุระกิจ เคยแต่อ่านตามตำรา เพราะฉะนั้นจึงตีเรื่อง Business Concept ของธุระกิจที่จะทำไม่ออก นี่แหละครับความยากลำบากของมหาวิทยาลัย จะไปเอาเถ้าแก่มาสอนก็มีน้อยรายที่มีเวลาว่างพอที่จะ เสียสละเวลาที่เป็นเงินเป็นทองมาสอน บางท่านอยากจะมา แต่สอนไม่เป็น พูดไม่เป็น ให้ออกไปยืนพูดให้คนทั้งห้องฟัง ให้ไปตายซะยังง่ายกว่า มันก็เลยเป็นปัญหางูกินหางกันทุกวันนี้

       ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี่เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าในสมัยนี้คงต้องหันมาทำธุระกิจส่วนตัวกันเป็นหลัก แต่ก็ไม่กล้าแนะนำให้ใคร เพราะเด็กๆไม่ได้รับการสอนมาให้คิดแบบเถ้าแก่ แนะนำให้ใครทำก็กลัวเค้าเจ๊งแล้วมาด่าผมเอา เลยมาถือโอกาศตอบไว้ในที่นี้เลยว่า ถ้าอยากจะทำธุระกิจส่วนตัวกันจริงๆ คงต้องไปอบรมเข้าเรียนหลักสูตรต่างๆที่จำเป็นก่อนเริ่ม

ลงมือทำธุระกิจส่วนตัวกับสถาบันต่างๆที่สนับสนุนผู้ประกอบการ SME ที่มีอยู่หลายหน่วยงาน สัก สี่ ห้าหลักสูตรก่อนลงมือทำ และจะให้ดีควรไปเรียนพร้อมกันทั้งพ่อทั้งลูกนั่นแหละ จะได้รู้เท่าๆกัน จะได้หาลือกันได้ว่าจะลงทุนทำอะไรกันดี จะได้ไม่พลาด เสียดายครับ สมัยนี้เงินทองมันหากันลำบาก นอกจากนักการเมืองที่คอยโกงกินชาติเท่านั่นก็พอจะโกยได้สะดวกหน่อย แต่ขอบอกว่าของพวกนี้กรรมมันตามมาเร็วครับ  อดีตรัฐมนตรีท่านหนึ่งโกยมาเยอะ ยังไม่ทันจะอายุหกสิบเลยดันติดโรคเอดส์ ทรมานอยู่หลายปีในที่สุดก็ตาย มีคนกระสิบบอกว่า เงินยังกองอยู่เต็ม ห้องใต้ดินเลย ยังใช้ไม่ทัน ไม่รู้ตอนนี้ปลวกกินไปหมดแล้วหรือยัง

       สำหรับท่านที่ไม่อยากจะทำธุระกิจส่วนตัวเพราะกลัวความเสี่ยง ก็พยายามถามผมว่าจะทำอะไรดี ผมก็พยายามมองทุกแง่ทุกมุมเอาประสพการณ์เก่าๆที่ผ่านมาตั้งแต่หนุ่ม จนแก่  เอาสถานะการณ์ในปัจจุบันของโลกมาวิเคราะห์ เอาสิ่งที่เห็นจากการเดินทางมาตลอดตั้งแต่อายุสิบเก้า ไปมาเกือบๆจะทั่วทุกแห่งในโลกนี้ ในที่สุดผมสรุปออกมาได้ ว่า ถ้าไม่ทำธุระกิจส่วนตัว เราต้องไปทำงานต่างประเทศกันดีกว่า แต่การไปทำงานต่างประเทศที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้ไม่ใช่แบบเมื่อ ยี่สิบ สามสิบปีก่อน ไม่ใช่ว่าแบบเวลาไปเสียนา กลับมาเสียเมียสมัยนี้การไป ขายแรงงานถูกๆมันหมดสมัยแล้วครับ การไปทำงานต่างประเทศของผมนั้นเดือนละเหยีบแสน บางอาชีพรายได้เป็นล้านๆบาทต่อปี อาชีพต่างๆที่อยากจะ แนะนำ ให้เด็กๆได้ลองคิดทำกันนั้นจะเป็นอาชีพที่ มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นมากในอนาคต และมีการพูดถึงกันน้อยมากและพูดกันอยู่ในวงจำกัด ที่สำคัญมีรายได้ดีมากๆ ซึ่งผมได้ สรุปออกมา ทั้งหมดสิบงานที่มีอนาคตดีสำหรับคนไทยมีดังต่อไปนี้ ขอเชิญท่านพิจารณากันเองตามความถนัด และตามข้อจำกัดของแต่ละท่านครับ ก่อนที่ท่านจะวางแผนชีวิตของท่านและของลูกต่อไป

 

อาชีพที่หนึ่งนักบินาณิชย์

 

(ต้องขออภัยเป็นอย่างมากที่หมดเวลาสำหรับทำBlogแล้วในวันนี้ คงต้องขอไปต่อรายละเอียดของแต่ละอาชีพในตอนที่สอง อีกสองสามวันข้างหน้า)

 

 

12 thoughts on “สิบงานทำเงิน สำหรับคนไทยในอนาคต

  1. ข้อมูลดีมากค่ะ เห็นด้วยทุกอย่าง ตัวดิฉันเองก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเช่นกัน แต่ไม่มีประสบการณ์ก็ลองผิดลองถูกอยู่หลายปี กว่าจะรู้เดียงสาก็เป็นหนี้หัวล้านหมดแล้วค่ะ ดิฉันได้มีโอกาสไปฝึกอบรม NEC เกี่ยวกับการเขียนแผนธุรกิจ การดำเนินกิจการขนาดย่อมของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อาจารย์สอนดีมาก ได้ความรู้ในเรื่องการตลาด และการบริหารในแง่มุมที่ใช้ในปัจจุบันได้จริง เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ในระดับนักศึกษาควรจะได้เรียนรู้การเป็นเจ้าของธุรกิจ เพื่อเป็นทางออกของเด็กรุ่นหลัง

    ถูกใจ

    1. ขอบคุณมากครับที่ส่งความเห็นมา ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ข้อคิดของผมทำประโยชน์ให้ท่านได้

      ถูกใจ

  2. ขอบคุณมากครับ สำหรับความคิด ผมอยากรู้ขอ ต่อไปแต่ว่านาน ๆๆจะเล่นคอมสักทีไง กรุณาส่งมาทางเมลล์ทีครับจักขอบคุณอยางมากครับ

    ถูกใจ

  3. ขอบพระคุณมากค่ะ ขอคารวะเป็นศิษย์ด้วย
    บทความนี้ครบรอบ 2 ปี พอดีในชีวิตก็เดินทางไปในที่ต่าง ๆ แต่ยังหาที่ลงไม่ได้เลยค่ะ

    ถูกใจ

  4. เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ผมเองก็ถือว่าอยู่ในวัยกลางคนครับ เด็กๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าจะเรียนอะไร จบมาทำอะไร ช่วงที่ผมจะจบมัธยม กระแส วิศวกร แรง ก็ไปตามเค้า ทุกวันนี้ก็ทำงานต่างประเทศอยู่ครับ รายได้ก็พอ โอ เค ที่ทำก็เพราะอยากหาทุน ทำอะไรสักอย่าง ที่เป็นธุรกิจ ของตัวเอง ยังมองไม่ออกครับ ผมอยากทำหอพัก หรือ อพาทเม็น หรือ โรงแรม ไม่ทราบต้องใช้ทุนเท่าไหร่ ท่านใด มีประสบการณ์ รบกวนแนะนำด้วยครับ

    ถูกใจ

    1. เรียน คุณน้อย,

      คุณเป็นวิศวกร ก็จะคุยกันง่ายในเรื่องทำหอพัก หรืออพาทเม้นท์ จะใช้ทุนเท่าไรนั้นมันขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง เช่น มีที่ดินอยู่แล้ว หรือต้องไปซื้อที่ดิน ค่าก่อสร้างตัวอาคารก็ขึ้นอยู่กับจำนวนหัอง ระดับคุณภาพของการก่อสร้าง และตลาดที่คุณต้องการ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การที่จะกำไรหรือขาดทุนต้องอยู่ที่การออกแบบตัวอาคาร และคุณภาพของการก่อสร้าง โดยเฉพาะการทำท่อน้ำดี และน้ำเสีย หากก่อสร้างไปแล้ว เกิดน้ำรั่ว ท่อตัน ต้องรื้อ ซ่อมแซม อยู่เรื่อยๆก็เสียทั้งเงิน และก็ขาดรายได้จากการที่ต้องปิดห้องพักเพื่อซ่อมแซม และส่วนใหญ่การก่อสร้างและออกแบบของเมืองไทยถ้าทำโดยบริษัทขนาดเล็กก็มักจะขาดประสบการณืและมีปัญหาตลอด ที่เห็นง่ายๆคือการออกแบบท่อน้ำทิ้งผิด ทำให้ในห้องพักมีกลิ่นเหม็นจากบ่อน้ำทิ้งหรือถังพักส้วม ย้อนกลับเข้ามาในห้องพัก ซึ่งแก้ไขลำบากและเป็นเช่นนี้มากว่าสามสิบปีมาแล้ว นี่คือจุดออ่น

      หากต้องการศึกษาข้อมูล มีหนังสือเรื่องการทำธุรกิจหอพัก วางขายอยู่บ้างที่เห็นดังๆมีหนังสือจากเครือเนชั่น และหนังสือจากสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือต้องไปดูหอพักที่สร้างเสร็จแล้วให้มากๆ ไปคุยกับผู้ประกอบการเยอะๆเพื่อฟังปัญหาต่างๆที่แต่ละแห่งพบ เรียนรู้จากปัญหาและเราอย่าให้เกิดความผิดพลาดนั้นกับเรา

      ถูกใจ

  5. ขอบคุณมากๆๆ ครับ…ผมไม่ได้เข้าบล๊อกมานาน…เพิ่งได้กลับเข้ามาอีกครั้ง…เพื่อมาอัพเดตว่าช่วงบ้านเรามีธุระกิจอะไรน่าทำ…ผมอยู่ต่างประเทศไม่ค่อยได้ติดตามข่าว…ก็อาศัยอินเตอร์เน็ตนี่แหล่ะครับ….ดีใจที่มีบล๊อกดีๆๆๆ ไว้ให้อ่านเปิดความคิดให้กว้าง…ขอบคุณครับ

    ถูกใจ

  6. ตอนนี้ผมทำงานเป้นโฟรแมน อยุ่กับน้าอ่ะคับคอยคุมงานให้เค้าน้าผมเค้าเปิดบริษัทเองแล้วเค้าคอยสอนตลอดว่าให้คิดทำอะไรสักอย่างว่าชอบอะไร ผมจึงอยากทำธุรกิจส่วนตัวแต่ผมว่าตัวผมยังไม่เคยมีประสบการทางด้านนี้แล้วถ้าจะลองทำต้องเริ่มจากตรงไหนดี

    ถูกใจ

    1. ถึงคุณบารมี,
      วิธีที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว ก่อนอื่นต้องเริ่มต้นคิดว่า ในอนาคตธุรกิจอะไรที่จะทำเงิน มีคนสนใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการจากเราต่อไปอีกนานๆหลายปี ไม่ใช่ไปเลือกทำธุรกิจหรือขายสินค้าที่คนหมดความสนใจ ลองเข้าไปค้นดูใน Yahoo ดูว่าอะไรเป็นdying business หรืออะไรเป็นGrowing Business ยกตัวอย่าง Dying Business เช่น บริษัทขายตั๋วหรือจองตั๋วเครื่องบิน เพราะเดี๋ยวนี้ระบบจองและขายตั๋วนั้นสามารถทำได้ทางอินเตอร์เน็ต ทุกคนสามารถทำเองได้จากบ้านผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องพึ่งคนมาทำให้
      มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสอนผมมา ท่านพูดเป็นกลอนให้จำง่าย (ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้หยาบคาย ยังไงขออภัยด้วย) ท่านว่าถ้าทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “กิน ขี้ ปี้ นอน” สี่เรื่องนี้ไม่มีวันอดตาย ผมเอาคำกลอนของท่านมาวิเคราะห์และขยายความ ก็ได้ความคิดดังนี้
      1) กิน– ท่านหมายความถึง ทำอาชีพอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการกิน ขายได้ตลอดเพราะคนเราต้องกิน รายจ่ายอย่างอื่นอาจจะผัดผ่อน เลื่อนไปได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องกิน เวลาหิวขึ้นมาต้องกิน เพราะฉะนั้นทำอาหาร วัตถุดิบสำหรับทำอาหาร ผัก ผลไม้ เนื้อ นม ไข่ ขนม ฯลฯ ทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการกิน ธุรกิจนั้นไม่มีวันตาย
      2) ขี้– ผมขอใช้คำให้สุภาพขึ้น ว่าเป็นการขับถ่าย คนเรากินแล้วต้องขับถ่าย เวลามันจะขับถ่ายขึ้นมาไม่ว่าใครก็ห้ามไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าท่านทำธุระกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็จะไม่มีวันตายเช่นเดียวกัน ผมจะยกตัวอย่างให้ดูสักนิดหนึ่ง การทำชักโครก การทำห้องน้ำ กระดาษชำระ สายยางชำระในห้องน้ำ คอมฟอตร้อย ผ้าออ้มกันเปื้อนสำหรับเด็ก สำหรับผู้สูงอายุ กรวยกระดาษสำหรับสุภาพสตรีใช้เวลายืนถ่ายเบา(อันนี้เป็นการคิดนอกกรอบจริง) ฯลฯ ที่เหลือให้คุณไปคิดต่อเอาเอง
      3) ปี้– ที่แรกผมก็ว่าผู้ใหญ่ท่านนี้พูดอะไรสัปปะดน พอมานั่งวิเคราะห์จริงๆ จึงเห็นว่าท่านลึกซึ้งมากๆ ถ้าพูดให้ฟังไพเราะหูก็ต้องบอกว่า “การแต่งงาน” “การมีคู่” ลองมาดูว่ามีธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง เช่น ชุดเจ้าสาว ชุดเจ้าบ่าว ของหมั่น ขบวนขันหมาก ของชำร่วยสำหรับแจกแขก Organizerจัดงานแต่งงาน ช่างภาพ ช่างถ่ายวีดีโอ สถานที่จัดงานเลี้ยง ผู้ประกอบอาหารในงานเลี้ยง คนจัดดอกไม้ การจัดให้คู่บ่าวสาวไปดื่มน้ำผ้งพระจันทร์ ฯลฯ ลองคิดดูซิครับว่าเรื่องนี้สำคัญขนาดหลายๆประเทศรวมทั้งประเทศไทยยังจัดโปรโมทการท่องเที่ยวด้วยจัดการวิวาห์ใต้น้ำ จัดวิวาห์แบบไทยให้ชาวต่างชาติบินมา
      4) นอน– คนเราทุกคนต้องนอนตั้งแต่ลืมตาดูโลกจนถึงวันตาย เพราะฉะนั้นทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับการนอนละก็ขายได้ไม่มีวันจบสิ้น เช่น ที่นอน เตียงนอน ผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน เก้าอี้นอนเล่น เก้าอี้นอนจริง โซฟาปรับเป็นที่นอนได้ เปลสำหรับนอน มุ้ง ผ้าห่ม ชุดนอน เสื่อปูนอน นุ่นสำหรับยัดหมอนยัดที่นอน ผ้าคลุมเตียง ยานอนหลับ นาฬิกาปลุก แว่นปิดตา ที่อุดหู ห้องนอน ฯลฯ

      ลองเอาไปคิดดูแค่นีัก่อน ว่าท่านถนัดจะทำอะไร แล้วค่อยมาว่ากันต่อ เรื่องนี้ต้องว่ากันอีกยาว เปิดเป็นหลักสูตรสอนกันได้เป็นปีครับ

      ถูกใจ

  7. หากประเทศไทยปฎิรูปการศึกษาให้บูรณาการ กับสภาพความเป็นจริง คุณภาพของประชากรที่เลือกสร้างสรรค์ชีวิตที่ออกแบบได้อย่างมีความสุขและตนเองพอใจคงมีเป็นเรื่องที่ดีมาก

    ถูกใจ

  8. ขอปรึกษานิดนะค่ะเพราะชอบแนวความคิดของคุณมากเผื่อจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ค่ะ พอดีว่าอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงใหนและยังไม่รู้จะทำธุรกิจอะไรดีเพราะมีข้อแม้หลายอย่าง คือ 1)กลัวความเสี่ยง 2)งบมีไม่มาก 3)ไม่ค่อยรู้เรื่องทำเล แต่ตอนนี้นัชทำเกี่ยวกับแว่นตาสายตาเบื่อการเป็นลูกน้องเอามากๆถ้าออกจากงานมาหาธุรกิจทำก้อกลัวไปไม่รอดเลยต้องคิดให้ดีก่อนจะออกมาทำและอีกอย่างค่ะพอดีไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับการกู้เงินของธนาคารเพื่อมาลงทุนช่วยทีนะค่ะตอนนี้สับสนในชีวิตมากๆ….ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ…

    ถูกใจ

    1. คุณนัชไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลย ผมขอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะสามารถให้คำแนะนำกับคุณได้ เช่น อายุ สถานะภาพการสมรส ระดับการศึกษา ความสามารถพิเศษต่างๆ ที่ทำเกี่ยวกับแว่นสายตาทำอะไรครับ ขายแว่น ตัดแว่น ทำเล็นซ์ ฯลฯ ผมค่อนข้างเชื่อคุณมากๆว่าคุณกำลังสับสนในชีวิตจริงๆ บางทีคุณอาจจะถามคนผิด คุณน่าจะไปถามหมอดูแม่นๆมากกว่ามาถามผม

      ถูกใจ

การแสดงความเห็นถูกปิด